ปวดท้องคล้ายเป็นโรคกระเพาะ เป็นๆ หายๆ อาจไม่ใช่แค่โรคกำเริบ แต่เป็นสัญญาณโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เช็กสัญญาณร่วมอันตราย!

ปวดท้องคล้ายโรคกระเพาะ หลายคนมองข้าม และกินยาลดกรด หายบ้างไม่หายบ้างแต่ไม่เคยหาหมอแบบจริงจัง ยอมปล่อยให้ตัวเองทรมานไปก่อน รู้หรือไม่ ? ปวดท้องลักษณะนั้น อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารก็เป็นได้!

ปวดท้องแบบนี้ไม่ใช่แค่โรคกระเพาะแต่เป็นมะเร็ง?

ในระยะแรกเริ่มของมะเร็งกระเพาะอาหาร ผู้ป่วยจะรู้สึกไม่สบายท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องอืด แสบร้อนหน้าอก หรือแน่นท้องตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ ซึ่งลักษณะอาการคล้ายกับโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ผู้ป่วยจึงมักทานยารักษาโรคกระเพาะ..และอาการปวดท้องที่เป็นก็จะค่อยๆ ทุเลาลง แต่เมื่อไหร่ที่การทานยาไม่สามารถรักษาอาการได้ หรือได้ผลเพียงชั่วคราวและต่อมาไม่ได้ผล อาจสันนิษฐานได้ว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร

อาการร่วมของมะเร็งกระเพาะอาหาร

ไม่เพียงยาโรคกระเพาะจะไม่สามารถรักษาอาการปวดท้องของผู้ป่วยได้ แต่เมื่อระยะโรครุนแรงมากขึ้นอาจทำให้มีอาการอื่นๆ ตามมา เช่น

• อาเจียนเป็นเลือด
• ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด
• น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
• มีภาวะโลหิตจาง
• อาจคลำพบก้อนตรงบริเวณเหนือสะดือหรือใต้ชายโครงด้านซ้าย

ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหาร

• อายุ  มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในช่วงอายุ 60-80 ปี
• เชื้อชาติ มักพบโรคนี้ในคนเอเชียมากกว่าคนยุโรปและอเมริกา
• เพศ เพศชายจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารสูงกว่าเพศหญิง 2-3 เท่า
• พันธุกรรม คนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
• พฤติกรรมการใช้ชีวิต สูบบุหรี่จัด ดื่มแอลกอฮอล์ กินเค็ม กินอาหารหมักดอง ไม่ชอบกินผักและผลไม้

เพราะอาการแสดงที่คล้ายกับโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ผู้ป่วยจึงมักสับสนและเข้าใจว่าตัวเองเป็นแค่โรคกระเพาะ ทำให้ยังคงชะล่าใจ! กว่าจะมาพบแพทย์ก็คือมีอาการรุนแรงมากแล้ว หรือระยะของโรคเข้าสู่ระยะที่ 3 หรือ 4 แล้ว ซึ่งการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารจะช่วยให้สามารถวินิจฉัยโรคได้มากกว่า 95% ทำให้แพทย์ตรวจพบความผิดปกติได้เร็วและนำไปสู่วิธีการรักษาที่ตรงจุด

รู้หรือไม่? เช็กแล้วเจอโรคเร็วดีกว่า เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้น เซลล์มะเร็งยังสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ดังนั้น หากคุณมีอาการปวดท้องคล้ายโรคกระเพาะเป็นๆ หายๆ และมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ร่วมด้วย “การส่องกล้องกระเพาะอาหาร” ก็อาจสำคัญสำหรับคุณ! 

ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล

ภาพจาก :Freepik