“ท้องว่าง” คือช่วงที่มีการอดอาหารหลายๆชั่วโมง โดยไม่มีอะไรตกถึงท้อง อย่างในตอนเช้า ที่หลายคนตื่นมาแล้วหิว หลายคนเกิดอาการคลื่นไส้เล็กน้อย ทำให้ต้องรีบอาหารกินรองท้อง แน่นอนว่ามื้อเช้าที่ดีที่สุดคือ การกินอาหารที่ครบ 5 หมู่และหลากหลายเป็นเรื่องเป็นราว แต่หากวันไหนรีบๆ หลายคนก็เลือกหาอะไรง่ายๆ รีบกินรีบไปทำงาน ซึ่งแน่นอนว่าของบางอย่างก็ไม่ควรกินตอนท้องว่าง!
อย่างส้ม มะนาว เลมอน สับปะรด มะละกอ และผลไม้รสเปรี้ยว อาจระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและระบบทางเดินอาหาร และ ระบบย่อยอาหาร
หากใครห้าว จัด กระเพาะแซ่บๆ ส้มตำรัวๆ กันตั้งแต่มื้อแรกของวัน รสเผ็ดอาจเข้าไปกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ระคายเคือง ทำลายน้ำเมือกที่เคลือบกระเพาะอาหารอยู่ และนำมาซึ่งอาการปวดท้องได้
โยเกิร์ตประกอบด้วยโพรไบโอติกส์ที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง แต่ถ้ากินตอนท้องว่าง มากๆ เข้าโดยไม่กินข้าวรองท้องซะก่อน อาจเกิดกรดไฮโดรคลอริก ซึ่งกหลั่งออกมาจะทำอันตรายต่อแบคทีเรียได้ ทางที่ดีควรกินหลังมื้ออาหารจะดีกว่า
อาหารที่มีแป้งและน้ำตาลสูง เช่น ซีเรียล ขนมปังขาวทาแยม เบเกอรี่ต่างๆ อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะดื้ออินซูลิน ในระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวาน รวมไปถึงโรคไตได้
ขณะท้องว่างร่างกายจะหลั่งกรดไฮโดรคลอริกที่ทำให้สภาวะของกระเพาะอาหารเป็นกรด คาเฟอีนในชา กาแฟ และน้ำอัดลมจะกระตุ้นให้เกิดการหลั่งกรดมากขึ้น ซึ่งหากไม่มีอาหารเข้าไปในท้อง กรดนี้จะไปทำลายผนังของกระเพาะอาหาร ทำให้เป็นแผลในกระเพาะอาหาร และนำไปสู่การเป็นกรดไหลย้อนได้ เพื่อป้องกันกรดในกระเพาะอาหาร ควรหามื้อเช้าเล็กๆ กินรองท้องแล้วค่อยตามด้วยกาแฟดีกว่า
นั้นแหละคะ จะเห็นได้ว่าทางออกที่ดีที่สุดไม่ให้เป็นโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน ควรกินมื้อเช้า และทุกมื้อให้ครบ ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากไปไม่น้อยไป ออกกำลังกายสม่ำสเสมอพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงลดความเครียด แค่นี้ก็จะช่วยให้คุณสุขภาพดีได้อย่างแน่นอนค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ภาพจาก : Freepik