กล้วยหอม จัดว่าเป็นผลไม้ที่หากินได้ง่าย และนับเป็นตัวเลือกเพื่อสุขภาพที่คนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายและนักกีฬาชอบกินเพื่อเพิ่มพลังงานและเอนเนอจี้ในการออกกำลังกายหนักๆ เช่นเดียวกับผู้ต้องการดูแลหุ่นด้วย ไม่ว่าจะกินสด หรือผสมลงไปในขนมเพื่อสุขภาพ และกินกับโยเกิร์ต ต่างๆ จะเห็นได้ว่านอกจากอร่อยหอมหวานแล้ว ยังเต็มไปด้วยวิตามิน ใยอาหาร แถมอิ่มท้องอีกด้วย!
เนื่องจาก กล้วยหอม มีน้ำตาลอยู่ 3 ชนิด คือ น้ำตาลซูโครส ฟรักโตส และกลูโคส ซึ่งเป็นสารอาหารที่ร่างกายพร้อมนำไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที หากอยากเติมพลังให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า กล้วยหอมสักลูกก็ช่วยได้ โดยเฉพาะหากกินกล้วยหอมหลังออกกำลังกาย ร่างกายก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้น
กล้วยหอมมีกรดอะมิโนประเภททริปโตเฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย คนที่มีความเครียดหรือรู้สึกกังวลใจ ลองหยิบกล้วยหอมมากินสักลูกก็อาจจะช่วยให้เครียดน้อยลงได้ จึงมีส่วนช่วยในการนอนหลับ ไปด้วย
กล้วยหอมเป็นผลไม้ที่มีกากใยสูง เป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งมีส่วนช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหารคล่องตัวมากขึ้น แนะนำให้รับประทานผัก-ผลไม้ชนิดอื่น ๆ ด้วย ดังนั้นใครมีอาการท้องผูกบ่อย ๆ ลองกินกล้วยหอมให้ได้ทุกวัน วันละ 1 ลูก แล้วพยายามดื่มน้ำให้มาก อาการท้องผูกถ่ายยากก็น่าจะดีขึ้น
กล้วยหอมไม่ใช่ผลไม้แคลอรีต่ำ เพราะแคลอรีในกล้วยหอม 1 ลูกย่อม ๆ ก็ให้พลังงานประมาณ 132 กิโลแคลอรี ทว่า กล้วยมีวิตามิน B1 และ B2 คอยช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน อีกทั้งยังมีคาร์โบไฮเดรตชนิดดีต่อร่างกาย มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ดังนั้นเมื่อกล้วยตกเข้าไปในระบบย่อยอาหารจึงดูดซับน้ำ พองตัวและช่วยทำให้ท้องรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น
กล้วยเป็นผลไม้สีขาว ที่มีสารพฤกษเคมีที่สำคัญคือ อัลลิซิน (Allicin) และแร่เซเลเนียม (Mineral Selenium) ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจได้ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้พฤติกรรมการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกายก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่น ๆ ได้
สำหรับใครที่เป็นตะคริวบ่อย ๆ มีอาการตะคริวเป็นประจำ นั่นแปลว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณว่าต้องการสารอาหารประเภทแมกนีเซียมและโพแทสเซียมอยู่ ซึ่งกล้วยหอมก็เป็นผลไม้ที่มีปริมาณโพแทสเซียมค่อนข้างสูง จึงอาจมีส่วนช่วยในจุดนี้กล้วยหอมก็พอช่วยได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกลาง สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร
ภาพจาก: Freepik
?