เช็กสัญญาณซึมเศร้า พบอย่างน้อย 5 อาการรีบพบจิตแพทย์


เช็กสัญญาณซึมเศร้า พบอย่างน้อย 5 อาการรีบพบจิตแพทย์

“ซึมเศร้า”กลายเป็นภัยเงียบทางจิตใจที่บางทีเราเป็นอยู่แต่แค่ไม่รู้ตัว หรือ คนใกล้ชิดเปลี่ยนไปแต่ไม่ทันสังเกต เช็ก 9 ข้อมีอาการอย่างน้อย 5 อย่างรีบพบจิตแพทย์เพื่อวางแผนการรักษา


ทุกวันนี้เราแทบไม่รู้เลยว่าคนที่เรารู้จัก คนในบ้าน หรือแม้แต่ตัวเราเอง เป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ ?เพราะหากเราไม่สังเกตหรือใส่ใจคนคนนั้นมากพอ จะไม่เห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป จึงควรหมั่นสังเกตตัวเองและคนใกล้ชิดว่ามีพฤติกรรมใดบ่งชี้ว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ โดยเริ่มจากสังเกต 

ภาวะอารมณ์หรือความคิดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดปกติ ตาม 9 ข้อนี้

  • มักมีอารมณ์เชิงลบ มีอารมณ์เศร้า ท้อแท้ หดหู่ สิ้นหวังอย่างต่อเนื่อง ร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ มีความกังวลหรือหงุดหงิดมากเกินไป
  • เบื่อหน่ายสิ่งรอบตัว เก็บตัว ไม่อยากพบไม่อยากคุยกับใคร เลิกสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบทำ
  • พฤติกรรมการกินผิดปกติ เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น กินน้อยไป กินมากไปทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงผิดปกติ
  • มีปัญหาในการนอน นอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท หรือนอนมากจนเกินไป
  • กระวนกระวายหรือเฉื่อยชา มีอาการกระสับกระส่าย กระวนกระวายมากเกินไป หรือมีอาการตรงกันข้าม คือ เฉื่อยชา เคลื่อนไหวช้าลง
  • อ่อนเพลียง่าย มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรทั้งสิ้น
  • สมาธิสั้น ความจำแย่ลง สมาธิในการทำสิ่งต่างๆ และความสามารถในการคิดและการตัดสินใจลดลง
  • สูญเสียความมั่นใจ รู้สึกตนเองไร้ค่า คิดว่าตนเองเป็นภาระ สูญเสียความมั่นใจในตนเอง รู้สึกผิดและโทษตนเองอยู่ตลอดเวลาในทุกๆ เรื่อง
  • ไม่อยากมีชีวิตอยู่ คิดเรื่องความตายหรือการฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้ง
    ซึ่งข้อสำรวจนี้เป็นเกณฑ์ที่แพทย์ใช้ในการวินิจฉัยโรคซึมเศร้า หากพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดนั้น

สัญญาณกี่ข้อถึงเสี่ยงซึมเศร้า

  • มีอาการอย่างน้อย 5 อาการขึ้นไป
  • มีอาการในข้อ 1 หรือข้อ 2 ร่วมด้วยอย่างน้อย 1 ข้อ
  • มีอาการตลอดทั้งวัน
  • เป็นแทบทุกวัน ต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์

ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด และหาแนวทางแก้ไขหรือรักษาต่อไป เพราะอาจเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าได้

เตรียมรับมือโรคซึมเศร้า

เราต้องหมั่นให้เวลาในการสังเกต “ร่างกาย” และ “จิตใจ” ทั้งของตัวเองและคนใกล้ชิดว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือมีอะไรที่ผิดปกติบ้างหรือไม่ เพราะ “โรคซึมเศร้า” ยิ่งเรารู้จักมันมากเท่าไหร่ เรายิ่งรับมือกับมันได้ดีมากขึ้นเท่านั้น

  • หากยังมีอาการไม่มาก ควรหาความรู้และคำแนะนำที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าจากแพทย์เฉพาะทาง เพราะจะได้เรียนรู้วิธีการประคับประคองและจัดการอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม
  • หมั่นออกกำลังกาย หรือหากิจกรรมทำร่วมกับเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัว จะทำให้ร่างกายสดชื่น มีพลังที่ดี จะช่วยให้อาการไม่แย่ลง
  • การหากิจกรรมทำเพื่อให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย ไม่คิดถึงแต่เรื่องในอดีตที่ทำให้เครียด พยายามให้ผู้ป่วยมีสติอยู่กับปัจจุบัน จะช่วยให้อาการป่วยทางใจค่อยๆ บรรเทาลงได้มาก
  • คนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัว ควรทำความเข้าใจเรื่องของโรคซึมเศร้าให้มาก  เพื่อจะได้เข้าใจและรับมือกับผู้ป่วยอย่างถูกวิธี พร้อมกับเฝ้าระวังและสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด สำคัญที่สุดคือการลดปัจจัยกระตุ้นอาการซึมเศร้าต่างๆ เช่น คำพูดที่อาจกระทบกระเทือนจิตใจ การทะเลาะกัน ทำให้บรรยากาศตึงเครียด และควรงดดูสื่อต่างๆ ที่มีเนื้อหาเร้าอารมณ์ เป็นต้น
  • หากมีอาการจากโรคซึมเศร้าชัดเจนมากขึ้นควรไปพบจิตแพทย์ เพื่อช่วยประเมินและเข้ารับการรักษาบำบัดอย่างถูกต้องและเหมาะสม

 อย่างไรก็ตามโรคซึมเศร้าเป็นโรคที่มีโอกาสรักษาให้หายได้ เพียงต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม เริ่มจากการสอบถามอาการ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ระดับความรุนแรง โรคประจำตัว ยาที่รับประทานเป็นประจำ ไปจนถึงการใช้ชีวิตประจำวัน จากนั้นแพทย์เฉพาะทางจะเป็นผู้ประเมินว่าควรรักษาแบบใด ถ้าหากสงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการบ่งชี้ว่าอาจเป็นโรคซึมเศร้าควรรีบมาพบแพทย์ทันที

ขอบคุณข้อมูลจากโรงพยาบาลพญาไท

ภาพจาก : Freepik




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

1 ความคิดเห็น
icechami 4 เดือนที่ผ่านมา

ค่อยยังชั่วไม่เจอสัญญาณ